ใจกลางเมืองได้ต้อนรับการเพิ่มพื้นที่สาธารณะใหม่ โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแล กระทรวงคมนาคม ได้ปรับปรุงพื้นที่เช่าที่ดินที่เป็นที่ดินรกร้างเลียบทางรถไฟทางด่วนเพลินจิตมาใช้ประโยชน์ เปิดตัว สวนเพลินจิต สวนสาธารณะแห่งใหม่ ดัดแปลงจากพื้นที่รกร้างสู่ปอดแห่งใหม่ มีการคมนาคมสะดวกสบาย ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะมีจุดเชื่อมต่อถนนพระราม 4 ถึงถนนสุขุมวิท เป็นทางลัดเชื่อม ทั้งสวนสาธารณะ สวนลุมพินี และ สวนป่าเบญจกิติ อีกทั้งพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิเช่น ฟิตเนส ห้องน้ำ, พร้อมระบบ Security, ความยาว ระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร ฯลฯ เชื่อว่า ไม่เพียงแต่จะกลายเป็น ปอดแห่งใหม่ ที่จะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนทุกคนเท่านั้น หากแต่ยังจะเป็นสวนสาธารณะที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านต่าง ๆ รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมงานแถลงข่าว (วันที่ 11 มีนาคม 2566 เวลา 16.30 – 19.00 น. ณ สวนเพลินจิต ถนนดวงพิทักษ์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
สวนสาธารณะ “สวนเพลินจิต” สวนสาธารณะแห่งใหม่ของชาวกรุงเทพฯ อันเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งกำลังจะกลายเป็นปอดแห่งใหม่ที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ต่อไปในอนาคต โดยกำกับดูแลพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเลียบทางรถไฟทางด่วนเพลินจิต ที่ร่วมมือผลักดันให้เกิดโครงการสำคัญ เพื่อสร้างประโยชน์อย่างสูงสุดให้กับประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร และคนไทย ทุก ๆ คน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ก้าวไปสู่การมีสุขอนามัยที่ดี และมีความสุขมากขึ้นในทุกมิติ ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ความมั่นคงของประเทศ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ และ สังคม ภายในประเทศให้มีการเติบโตแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในด้านของสุขอนามัย และส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญ ให้สามารถมีสุขภาพที่ดี และ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เติบโตควบคู่ไปพร้อมกันด้วย
การเปิดพื้นที่สวนสาธารณะ “สวนเพลินจิต” จึงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นำไปสู่การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนโดยรวมไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ช่วยลดปัญหาฝุ่น
PM 2.5 ตลอดจนการเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงใช้สำหรับออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ที่จะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนทุกคนเท่านั้น หากแต่ยังจะเป็นสวนสาธารณะที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น,ร่างกายที่ดีขึ้น ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปพร้อมกันด้วย และเมื่อในท้ายที่สุดก็จะส่งผลทำให้เมืองมีความน่าอยู่ขึ้น คุณภาพชีวิตของคนในเมือง และเศรษฐกิจ สังคมโดยรวมก็จะยกระดับไปสู่อนาคตที่สดใสได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
การรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่สำคัญในการให้บริการขนส่งเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม และขยายเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งให้มีประสิทธิภาพแล้ว เรายังมีหน้าที่ในการเชื่อมโยงความสุข พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เกิดขึ้นกับประชาชน ควบคู่ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งหนทางสำคัญที่นำประชาชนไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และใช้ชีวิตภายในเมืองที่อยู่ได้ง่ายมากขึ้น คือการเดินทางที่มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และเวลาในการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางที่สามารถใช้ประโยชน์ และนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี และสร้างความสุขให้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น จึงถือเป้าหมายในการพัฒนาเมือง พัฒนาคน ให้ก้าวไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
การรถไฟแห่งประเทศไทย จึงได้ทำการลงมือพัฒนา พื้นที่บริเวณริมทางพิเศษ ช่วงเพลินจิต-พระราม 4 ให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ และส่งเสริมให้เกิดการออกกำลังกาย เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี ในทุก เพศทุกวัยอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ชื่อ “สวนเพลินจิต” สวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่เปรียบเสมือนโอเอซิสสีเขียว ปอดแห่งใหม่ของชาวกรุง ซึ่งสวนแห่งนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ด้วยการออกกำลังกาย พร้อมทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างมีความสุข และปลอดภัย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของสวนเพลินจิต ท้ายที่สุด การรถไฟแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่า พื้นที่แห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เพียบพร้อม สามารถสร้างประโยชน์ เพื่อมอบคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้นให้กับคนเมือง และพร้อมที่จะผลักดันโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น โดยมีพื้นที่เป้าหมายต่อไปคือพื้นที่สถานีจิตรลดา ของระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) ช่วงบางซื่อ -หัวลำโพง ซึ่งจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนกรุงเทพฯ ในอนาคตข้างหน้านี้ได้อย่างแน่นอน