วันเสาร์, ธันวาคม 28, 2024

Dining

เจาะสูตรลับการเปิดร้าน Home Kitchen ในสไตล์ ‘Super แซลมอน’ เปิดครัวนั่งคุยกับผู้ชนะคนแรกจากรายการ GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร

ด้วยการเติบโตของ Food Delivery ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคน นอกจากจะช่วยสร้างความสะดวกสบายในการสั่งอาหารแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบรรดาร้านอาหารในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา และสำหรับคนที่อยากเริ่มทำธุรกิจร้านอาหาร การเข้าสู่วงการนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคปัจจุบัน เพราะการเปิดร้านอาหารโดยไม่มีหน้าร้านกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับหลายๆคนที่อยากจะเริ่มต้นกิจการของตนเอง วันนี้เราจะพาไปรู้จัก ‘สิ-สิริพร บัวงาม’ เจ้าของร้าน “Super แซลมอน” หรือครูสิของเด็กๆ คุณครูสาวผู้ชนะรายการเรียลลิตี้โชว์แข่งขันธุรกิจอย่าง GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร และยังเป็นผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวของรายการที่เปิดกิจการร้านอาหารแบบโฮมคิทเช่น (Home Kitchen) เธอจะมาเผยเคล็ดลับในการปลุกปั้นร้านอาหารสไตล์โฮมคิทเช่น ผ่านการเรียนรู้แล้วลงมือทำด้วยตนเองจนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

เปลี่ยนครัวในบ้านให้เป็นโฮมคิทเช่น

ตั้งแต่เด็กจนโต ครูสิ เติบโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าขายมาโดยตลอด ซึ่งสินค้าที่นำมาขายมีทั้งอาหารทะเล ผลไม้ตามฤดูกาล เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย เมื่อใครถามถึงความฝันแรกของเด็กหญิงสิริพรในวันนั้นเธอก็จะบอกด้วยสายตาที่เปล่งประกายว่า  ‘เธออยากโตขึ้นเป็นคุณครู’ และด้วยความแน่วแน่ในเป้าหมายส่งผลให้วันนี้เธอกลายเป็นคุณครูสอนเด็กๆชั้นประถมศึกษามาแล้ว 10 กว่าปี แต่ด้วยใจที่ไม่เคยหยุดทำ
ในสิ่งที่ตนเองรักเธอจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจร้านอาหารเพื่อสานต่ออีกหนึ่งฝันของเธอ โดยเริ่มต้นจากการใช้พื้นที่ห้องครัวในบ้านให้เป็นประโยชน์

“ในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา อาชีพครูอย่างเราก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน อย่างโรงเรียนที่สิสอนอยู่ประจำก็มีปรับแผนการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ทั้งหมด พอมีเวลาว่างจากการทำสื่อการสอนให้กับเด็กๆ เราก็เริ่มอยากหารายได้เสริมด้วยความที่เราเป็นคนชอบเสาะแสวงหาของกินอยู่แล้วโดยเฉพาะอาหารทะเล ทำให้เราเริ่มทำเมนูแซลมอนดองซอสเกาหลีขายให้กับเพื่อนๆและคนรู้จักก่อน ก็เริ่มจากจำนวนน้อยๆ โพสต์ขายในเฟซบุ๊กตัวเองก่อน ตอนนั้นเราก็ใช้ครัวของที่บ้านนี่แหละเตรียมวัตถุดิบ จัดเซ็ต ขับรถเอาสินค้าไปส่งเอง สิเริ่มทำในบ้านเราก่อนจนได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ของเราในวันนี้”

อยากไปต่อต้องกล้าที่จะก้าว 

เพราะมีใจที่มุ่งมั่นเป็นทุนเดิม ทำให้ครูสิอยากต่อยอดกิจการให้ใหญ่ขึ้น โดยเธอไม่ลืมที่จะสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อน “ตอนที่ตัดสินใจแล้วว่าอยากทำอาหารขายแบบจริงจัง เรามีเงินลงทุนแค่ 5,000 บาทเท่านั้น แต่เราก็เริ่มจากการสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนว่าเรามีอะไรบ้างพอไล่ดูไปทีละอย่างก็พบว่า เรามีเครื่องครัวที่จำเป็นครบ เรารู้จักแหล่งอาหารทะเลคุณภาพที่มีความสดและสะอาด เรามีช่องทางบนโซเชียลในการลงขายเป็นของตัวเอง
เมื่อคิดได้แล้ว สิก็เริ่มลงมือทำโดยไม่ลังเล ถึงแม้ใจจะรู้ว่าการทำธุรกิจมักมีความเสี่ยง แต่เราเป็นคนกล้าเสี่ยง เราได้ลองทำตลาดมาแล้ว และคิดว่ายังไงก็จะลองดูสักตั้ง พอคิดได้แบบนั้นเราก็ลงมือทำเลย”

“ร้าน Super แซลมอนเริ่มเปิดกิจการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาผ่านเฟซบุ๊กของเราก่อน เมนูแรกที่ขายคือแซลมอนดองซอสเกาหลี ซึ่งวันแรกก็ขายได้ถึง 50 ชุดเลย ก็เป็นกำลังใจให้เราอยากลุยต่อ พอเราเห็นว่าธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตมากขึ้นแน่ๆ อีก 1 เดือนต่อมา เราจึงตัดสินใจสมัครขายกับแกร็บเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ศึกษาหาข้อมูลเรื่องการขายอาหารบนฟู้ดเดลิเวอรี่อยู่แล้วและก็มั่นใจว่าจะเป็นช่องทางที่จะช่วยขยายธุรกิจและทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น” ครูสิเล่าเสริม

แม้เป็นผู้สอนก็ต้องไม่หยุดเป็นผู้เรียนด้วย

แม้อาชีพหลักในตอนนี้คือการได้เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ในบทบาทของคุณครู แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอคนนี้หยุดการแสวงหาความรู้และโอกาสใหม่ๆ ครูสิบอกกับเราว่าการทำธุรกิจสมัยใหม่ในยุคนี้
แค่เมนูที่สดใหม่ รสชาติที่อร่อยถูกปากลูกค้าอาจไม่เพียงพอ แต่การเรียนรู้ทักษะด้านดิจิทัลและการทำการตลาดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต่อยอดร้านค้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นได้

“ถึงแม้เราจะเปิดร้านอาหารสไตล์โฮมคิทเช่น ที่ไม่มีหน้าร้านให้ลูกค้าได้แวะเข้ามานั่งกิน การทำให้ร้านอาหารของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ สิเริ่มศึกษาการขายอาหารบนฟู้ดเดลิเวอรี่ เพราะเราอยากใช้แพลตฟอร์มนี้ให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจของเรามากที่สุด ตอนที่สมัครขายกับแกร็บแล้วสิก็ได้พัฒนาความรู้การทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์จากคอร์สเรียนของ GrabAcademy ที่ทางแกร็บได้รวมคอร์สเรียนต่างๆ สำหรับพาร์ทเนอร์ได้คลิกเข้าไปเรียนเพื่อนำความรู้มาพัฒนาตนเอง เวลาที่ว่างจากการสอนหนังสือสิก็เข้าไปเรียนเนื้อหาอยู่หลายคอร์สทั้งการถ่ายภาพยังไงให้อาหารน่าดึงดูด การตั้งราคาที่เหมาะสม การจัดเก็บวัตถุดิบ การจัดโปรโมชัน หรือการขยายฐานลูกค้าให้มากเดิม ซึ่งความรู้ตรงนั้นก็ได้กลายเป็นเทคนิคที่เรานำมาปรับใช้และพัฒนาร้านของเราโดยไม่ต้องไปเสียเงินเรียนที่ไหนเพิ่มเลย”

วัดความเก๋ากับรายการ GrabAcademy สร้างอาชีพอย่างมือโปร

ความทะเยอะทะยานของครูสินั้นไม่ได้หยุดแค่การเปิดร้านโฮมคิทเช่นบนฟู้ดเดลิเวอรี่เท่านั้น แต่หญิงสาวที่มีเลือดนักสู้คนนี้ยังได้ตัดสินใจพิสูจน์ความสามารถของเธอ ในรายการเรียลลิตี้โชว์แข่งขันค้นหา
สุดยอดผู้ประกอบการร้านอาหารอย่าง GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร

“ส่วนตัวสิชอบดูรายการแข่งขันอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับความชอบของเราที่ชอบสร้างสรรค์เมนูอาหารในแบบฟิวชั่น พอเห็นประกาศรับสมัครเราก็สนใจทันทีเพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งในช่วงแรกๆ สิก็มีความตื่นเต้นเพราะเราเป็นคนเดียวที่เปิดร้านอาหารแบบไม่มีหน้าร้าน ก็กลัวว่าจะเป็นข้อด้อยในการแข่งขันกับคนอื่นๆ”

อย่างไรก็ตาม การที่ครูสิไม่มีหน้าร้านกลับกลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เมื่อเธอได้พิสูจน์ฝีมือตนเองในการฝ่าฟันทั้ง 3 ภารกิจ บนเวลาที่จำกัดของรายการ โดยครูสิได้พิชิตชัยชนะตั้งแต่ภารกิจแรก
กับโจทย์การถ่ายภาพอาหารให้สวยงามด้วยโทรศัพท์มือถือ ด้วยเทคนิคการจัดแสงโดยใช้แสงธรรมชาติในการถ่ายภาพอาหาร ประกอบกับใช้พร็อพใกล้ตัวมาเสริม เพื่อสร้างสีสันของภาพอาหารให้ดูน่าทานจนสามารถเรียกน้ำย่อยได้เลยทีเดียว

ในส่วนของภารกิจที่สองด้วยโจทย์การทำวิดีโอคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เพื่อเพิ่มยอดขายให้ร้านค้า ภายใน 30 นาที โดยคุณสิได้แสดงไหวพริบในการบริหารจัดการเวลา และความสามารถในการสร้างสรรค์วิดีโอเพื่อโปรโมทเมนูของร้านภายในเวลาที่จำกัด และช่วยนำชัยชนะมาให้ทีมในท้ายที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทักษะด้านดิจิทัลนั้นสำคัญมาก

และในภารกิจสุดท้ายคือการสร้างสรรค์เมนูจากวัตถุดิบที่กำหนดและตั้งราคาที่เหมาะสม ซึ่งเธอก็ได้เลือกใช้สับปะรดภูแลมาครีเอทเป็นเมนูใหม่ร่วมกับปลาแซลมอนที่เป็นวัตถุดิบหลักของร้านในชื่อ ‘แซลมอนอโลฮ่า’ โดยเธอได้ใช้เทคนิคในการตั้งการคำนวณต้นทุนและหักกำไรที่ได้เรียนไปในรายการและตั้งราคาขายไว้ที่ 199 บาทเท่านั้น